โยโย่เอฟเฟค คือออะไร?

หากเอ่ยถึงโยโย่ หลายคนคงคิดถึงโย่โย่ที่เป็นของเล่นสุดสนุกในสมัยเด็ก ที่เวลาเล่นจะต้องโยนออกไป ยิ่งโยนแรงลูกโยโย่ยิ่งหมุนเร็วขึ่น นานขึ่นและเด้งกลับมาเร็วขึ่นด้วย เป็นลักษณะของการเหวี่ยงขึ่นและลงของลูกโยโย่ เวลาเล่นเราจะเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เช่นเดียวกัน โยโย่เอฟเฟค สามารถเปรียบได้กับการทำงานของลูกโยโย่เวลาเล่น กล่าวคือ โยโย่เอฟเฟคเป็นการเหวี่ยงขึ่นเหวี่ยงลงของน้ำหนักตัวนั้นเอง

โยโย่เอฟเฟค เกิดจากอะไร?

โยโย่เอฟเฟต เป็นสภาวะของร่างการที่เกิดความไม่สมดุล หากบอกแค่นี้คงจะนึกภาพไม่ออก งั้นลองนึกตาม หากในทุกๆวัน เรากินอาหารที่ให้พลังงานสูง

แต่วันนี้เราไม่กินเลย

เราจะรู้สึกไม่มีแรง เพราะว่าร่างกายนั้นจดจำการกินของเรา

และด้วยเหตุนี้ พอวันต่อมาร่างกายของเราจะต้องการพลังงานมาก ทำให้เราอาจต้องกินมากกว่าเดิม แต่พลังงานส่วนหนึ่งจะถูกนำไปเก็บไว้ที่ไต้ผิวหนัง ไม่ได้นำมาใช้งาน นั่นคือสภาวะไม่สมดุลของร่างกาย

หากกล่าวโดยตรงคือ โยโย่เอฟเฟคเกิดได้จากหลายกรณี เช่น

-เกิดจากการออกกำลังกายที่หักโหม ทำให้ร่างกายใช้พลังงานจำนวณมากเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้ในแต่ละวัน

-เกิดจากการกินที่ไม่พอดี หรืออดอาหารอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายมีความต้องการที่มากขึ่น

-ยาลดความอ้วน ทำให้ร่างกายขาดสมดุลของพลังงาน

วิธีหยุดและป้องกันโยโย่เอฟเฟค

เราจะป้องกันยังไงไม่ให้เกิดโยโย่เอฟเฟค เราอาจต้องเริ่มต้นจากอาหาร ตั้งแต่การเลือกกินอาหาร จำกัดปริมาณ

การกินอาหารให้ถูกต้อง ได้พลังงานเพียงพอต่อการทำกิจกรรมในวันนั้นๆ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบหมวดหมู่ ครบมื้ออาหาร เพิ่มการกินผักใบเขียว เลือกกินผลไม้หวานน้อยเป็นหลัก ตามด้วย ข้าวแป้ง ธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อยๆ และ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ในสัดส่วน ผัก และผลไม้หวานน้อย 2 ส่วน ข้าวแป้ง ธัญพืช 1 ส่วน และ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ 1 ส่วน

หากจะออกกำลังกายด้วย ร่างกายจะต้องใช้พลังงานมากขึ้น ก็ควรกินอาหารให้สอดคล้องกับการใช้งานพลังงาน ไม่ลด หรืออดอาหารมากจนเกินไป แล้วไปออกกำลังกายหนักๆ การออกกำลังกายควรทำอย่างพอเหมาะ พอดี เลือกกิจกรรมที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือ การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง ควบคู่กับกับกิจกรรมการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน กำหนดความหนัก เวลาในการออกกำลังกายให้เหมาะสม และกำหนดให้มีวันพัก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน อย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์